การเลือกอาหารให้เหมาสมกับวัยสุนัข
วิธีเลือกอาหารสุนัขให้เหมาะสมกับวัยและอายุ เริ่มตั้งแต่สุนัขวัยแรกเกิดไปจนถึงสุนัขแก่ ใครเคยสงสัยว่าลูกสุนัขกินอาหารสุนัขโตได้ไหม วันนี้มาดูกันเลย






อาหารลูกสุนัขวัยแรกเกิด
ลูกสุนัขวัยแรกเกิดจะกินแต่นมแม่เท่านั้น แม้จะเริ่มโตขึ้นจนมีอายุ 1 เดือน ก็ยังคงกินนมแม่เป็นหลักอยู่ ทว่าเจ้าของต้องคอยหาน้ำสะอาดมาเผื่อไว้ด้วย โดยลูกสุนัขจะหย่านมในช่วงอายุประมาณ 6-8 สัปดาห์






อาหารลูกสุนัขอายุ 2-4 เดือน
คนส่วนใหญ่มักจะเริ่มเลี้ยงสุนัขหลังจากหย่านมแล้ว คือ ช่วงอายุประมาณ 2-4 เดือน ซึ่งเป็นวัยที่ไม่ควรเปลี่ยนอาหารมากเท่าไรนัก เพราะอาจจะทำให้ปวดท้องได้ ฉะนั้นคนขายมักจะแนะนำและบอกข้อมูลของอาหารชนิดเดิมมาให้เสมอ เพื่อให้ผู้เลี้ยงนำมาผสมกับอาหารใหม่ได้อย่างเหมาะสม โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ควรผสมอาหารใหม่ในปริมาณเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งลูกสุนัขรู้สึกคุ้นเคยกับอาหาร
ซึ่งอาหารที่เหมาะสำหรับลูกสุนัขวัย 2-4 เดือน คือ อาหารเม็ดที่มีคุณภาพสูงและเป็นสูตรสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากลูกสุนัขจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและหลากหลาย เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต โดยสารอาหารที่ลูกสุนัขหลังหย่านมต้องการ ได้แก่ โปรตีน ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อแข็งแรง คาร์โบไฮเดรต ที่ช่วยให้พลังงาน แคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน รวมถึงวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย
ทั้งนี้ผู้เลี้ยงสามารถให้เนื้อสัตว์และผักหรือข้าวที่ปรุงสุกกับลูกสุนัขได้ตามต้องการ แต่ต้องอยูในปริมาณที่เหมาะสมและสมดุลกับอาหารเม็ด ทว่าทางที่ดีควรให้อาหารเม็ดเป็นหลัก นอกจากนี้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารดิบอย่างเด็ดขาด เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขยังไม่ดีนัก จึงไม่สามารถรับมือกับแบคทีเรียได้
ส่วนปริมาณและความถี่ในการให้อาหารลูกสุนัขวัย 2-4 เดือน ควรแบ่งออกเป็นมื้อเล็ก ๆ แล้วให้อย่างสม่ำเสมอแทน เนื่องจากลูกสุนัขวัยนี้ต้องการสารอาหารและพลังงานสูงและบ่อยนั่นเอง






อาหารลูกสุนัขอายุ 4 เดือนขึ้นไป
ลูกสุนัขอายุตั้งแต่ 4 เดือน – 1 ปี อยู่ในวัยกำลังโต จึงต้องการอาหารที่ให้พลังงานที่สูงกว่าสุนัขโตเต็มวัย ฉะนั้นผู้เลี้ยงจำเป็นต้องให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขวัยกำลังโตโดยเฉพาะ โดยสัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำว่าควรให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขวัยกำลังโตไปจนกว่าสุนัขจะมีขนาดประมาณ 90% ของสุนัขโตเต็มวัย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่อายุประมาณ 12 เดือน สำหรับสุนัขขนาดกลาง และอายุประมาณ 18 เดือนสำหรับสุนัขขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามสำหรับสุนัขขนาดใหญ่ เช่น เกรตเดน, ร็อตไวเลอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ และโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขวัยกำลังโตที่เหมาะกับสุนัขขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เพราะสุนัขเหล่านี้โตค่อนข้างเร็ว จึงมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกเจริญผิดปกติได้ ถ้าหากได้รับสารอาหารที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในอาหารที่เหมาะกับสุนัขขนาดใหญ่จะมีการควบคุมปริมาณแคลอรี่และสารอาหารที่สุนัขควรจะได้รับในแต่ละวันมาอย่างละเอียดแล้วนั่นเอง
นอกเหนือจากนี้ลูกสุนัขอายุ 4 เดือน เป็นวัยที่ฟันแท้กำลังขึ้น จึงต้องการอาหารที่ช่วยกระตุ้นฟัน เช่น กระดูกติดเนื้อดิบ โดยทางที่ดีควรเลือกให้มีเนื้อติดสักหน่อย และกระดูก 1 ชิ้น สามารถให้ลูกสุนัขแทะได้นานถึง 1 สัปดาห์
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนอาหาร ให้สังเกตพฤติกรรมของสุนัขทุกครั้งที่เปลี่ยน เพราะสุนัขอาจจะเกิดอาการแพ้อาหารได้ สำหรับความถี่ในการให้อาหาร ลูกสุนัขวัย 4 เดือนขึ้นไป สามารถลดลงมาเหลือวันละประมาณ 2 ครั้งได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดปริมาณให้พอดี อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา






อาหารสุนัขแก่
เมื่อสุนัขมีอายุเพิ่มมากขึ้น อาหารการกินก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยสุนัขแก่จะอยู่ในช่วงอายุ 6-8 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขแก่โดยเฉพาะ และควรแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่ให้บ่อย ๆ แทน
โดยวิธีเลือกสูตรอาหารให้เหมาะสมกับสุนัขแก่แต่ละตัวจะแตกต่างกันไปตามพฤติกรรม สุขภาพ และสภาพร่างกาย สามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรือสังเกตด้วยตัวเองก็ได้ ตัวอย่างเช่น สุนัขที่ทำกิจกรรมน้อยลง ให้เปลี่ยนมาใช้อาหารสูตรไดเอตที่มีปริมาณแคลลอรี่และไขมันน้อยกว่าปกติเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักเกิน พร้อมทั้งเพิ่มไฟเบอร์ช่วยเสริมการย่อยสลายและโปรตีนช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงไปในตัว หรือสุนัขที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ให้เปลี่ยนมาใช้อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และกรดไขมันเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ พร้อมทั้งเพิ่มกลูโคซามีนและคอนดรอยทินเพื่อช่วยเสริมข้อต่อให้แข็งแรง
นอกเหนือจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือมีโซเดียมสูง เพราะจะทำให้สุนัขแก่เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและโรคไตได้ง่าย โดยควรหันมาบริโภคสาหร่ายทะเลบ่อย ๆ เพราะอุดมไปด้วยไอโอดีนที่ช่วยเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ หรือจะเป็นเมล็ดจากต้นลินินหรือเมล็ดแฟลกซ์ ก็ดีงามไม่แพ้กัน เพราะช่วยบำรุงสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น ช่วยดูแลอวัยวะในร่างกายและบำรุงผิวพรรณให้ดูดี
Credit : pet.kapook